เกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คู่สุดท้ายเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม ที่ผ่านมา แชมป์เก่า ลิเวอร์พูล เปิดแอนฟิลด์รับการมาเยือนของ วูล์ฟแฮมป์ตัน โดยผลงานล่าสุดในลีกนั้น หงส์แดง บุกไปเสมอกับ ไบรท์ตัน 1-1 ส่วนทัพ หมาป่า บุกไปเอาชนะ อาร์เซน่อล 2-1
เจอร์เก้น คล็อปป์ ส่ง ควีวีน เคลเลเฮอร์ ลงเป็นมือหนึ่งแทน อลีสซง ที่บาดเจ็บเป็นเกมที่สองติดต่อกัน แต่เป็นนัดแรกในลีก แนวรุกดร็อป ดีโอโก้ โชต้า เป็นสำรองโดยใช้สามแนวรุกทั้ง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ และ ซาดิโอ มาเน่
ส่วนทีมเยือนของ วูล์ฟแฮมป์ตัน ชวดใช้งาน ราอูล ฮิมิเนซ ที่ได้รับบาดเจ็บจนพักยาว แนวรุกจัด อดามา ตราโอเร่, ดาเนี่ยล โปรเดนซ์ และเปโดร เนโต้ ช่วยกันล่าตาข่าย
เริ่มเกมมาได้แค่ 3 นาทีแรก เนโก วิลเลี่ยม ไปเสียบ เปโดร เนโก้ จนโดนใบเหลือง และจากฟรีคิกนอกกรอบ รูเบน เนเวส ปั่นไปเสาไกลบอลเหินคานออกไปแบบได้เสียว ที่น่าเป็นห่วงมากๆ คงจะเป็นฟอร์มการเล่นของ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง ที่ไม่ได้แสดงน่ากลัวอะไรเลย เช่นเดียวกับ อเลซองด์ ลากาแซตต์ เพราะทั้งสองคนขาดทั้งความเฉียบคม และไร้ประสิทธิภาพในการกดดันเกมรับของ ไก่เดือยทอง
ในส่วนของแดนกลางทั้ง โธมัส ปาร์เตย์ , กรานิต ชาก้า, บูคาโย่ ซาก้า และ วิลเลี่ยน แม้ช่วยกันกดดันแผงมิดฟิลด์ สเปอร์ส ได้ดี แต่ไม่สามารถเปิดบอลเพื่อสร้างความได้เปรียบให้กับทีม ที่สำคัญพวกเขายังต้องเสีย ปาร์เตย์ ไปในช่วงท้ายครึ่งแรก ซึ่งจุดนี้อาจจะส่งผลกระทบต่อทีมในอนาคตด้วย
4. ฟอร์มได้บ้านสุดแข็งแกร่ง
ต้องบอกเลยว่าแฟนบอล 2,000 คนที่เข้ามาในสนามท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดี้ยม ในเกมนี้ต้องยิ้มอย่างมีความสุข เพราะนอกจากจะได้กลับมาเชียร์ทีมรักในสนามแล้ว ยังได้เห็นฟอร์มที่สุดยอดแถมยังจัดการดับซ่าคู่อริร่วมถิ่นนอร์ทลอนดอนซะด้วย หนึ่งในเรื่องที่โดดเด่นมากๆ ของ สเปอร์ส ก็คือผลงานในบ้านของพวกเขา โดยตอนนี้ทีมไม่แพ้ในการปะทะกับคู่อริตลอดกาลมาแล้ว 7 เกมลีกหลังสุด ส่วนสถิติก่อนหน้านี้ “”ไก่เดือยทอง”” เคยไร้พ่ายในการสู้กับ อาร์เซน่อล 9 เกมติดต่อกันในช่วงระหว่างเดือนมกราคม 1960-เดือนมกราคม 1968
ส่วนสาวก “”เดอะ กันเนอร์ส”” คงต้องเฝ้ารอคอยที่จะได้แสดงความสะใจในบ้านของ สเปอร์ส ต่อไป เพราะครั้งล่าสุดที่พวกเขาได้เฮสนั่นที่สนามไวท์ ฮาร์ท เลน (บ้านเก่า สเปอร์ส) ต้องย้อนไปเดือนมีนาคม 2014 จากประตูชัยของ โทมัส โรซิคกี้
5. เคน เดินหน้ายิงไม่เลี้ยง
แฮร์รี่ เคน ในตอนนี้ไม่ใช่แค่กองหน้าที่ทำหน้าที่ระเบิดตาข่ายคู่แข่งเท่านั้น แต่เขาพัฒนาขึ้นมาเพราะตอนนี้เจ้าตัวยังมีสถิติในการทำแอสซิสต์ที่น่าเหลือเชื่อซะด้วย ฉะนั้นต้องยอมรับหากจะบอกว่า เคน เป็นดาวยิงที่ครบเครื่องอย่างแท้จริงในเวลานี้ จังหวะที่ส่งบอลให้ “”อาซน”” ซัดประตูทำให้ เคน แอสซิสต์ไปแล้ว 10 ครั้งจาก 11 เกมลีกในฤดูกาลนี้ ซึ่งไม่มีนักเตะคนไหนที่สามารถทำได้ 10 แอสซิสต์จากการลงเล่นในช่วงต้นซีซั่นแบบนี้ ฉะนั้นหนึ่งในคนที่ต้องได้รับเครดิตนี้ก็คือ มูรินโญ่ ที่เปลี่ยน เคน ให้เป็นนักเตะที่ครบเครื่อง
อ่านต่อได้ที่่ mycoolcab.com
สมัครเว็บไซต์ บาคาร่า ที่ดีที่สุด
โบนัสพิเศษ ให้ตั้งแต่เริ่มสมัคร
ถอนเงิน ด้วยระบบอัตโนมัติ เพียง 4 วินาที
ต้องที่ UFABET369 เท่านั้น